วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวในยุโรป



Eiffel Tower




หอไอเฟล (Eiffel) สัญลักษณ์ของนครปารีส สร้างขึ้นใน ค.ศ.1887-9 ออกแบบโดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม
Berlin Wall


กำแพงเบอร์ลิน (เยอรมัน: Berliner Mauer ; อังกฤษ: Berlin Wall) เป็นกำแพงที่กั้นเบอร์ลินตะวันตก ออกจากเยอรมนีตะวันออกโดยรอบ เริ่มสร้างเพื่อจำกัดการเข้าออกระหว่างเขตเบอร์ลินตะวันออกและตะวันตก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) และตั้งอยู่เป็นระยะเวลา 28 ปี ก่อนจะทลายลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 กำแพงเบอร์ลินเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น ในระหว่างที่กำแพงยังตั้งอยู่นั้น มีความพยายามหลบหนีข้ามเขตแดนราว 5,000 ครั้ง มี 192 คนถูกฆ่าระหว่างการหลบหนี และอีกประมาณ 200 คนบาดเจ็บสาหัส ในช่วงแรกนั้น การหลบหนีเป็นไปอย่างไม่ยากนัก เนื่องจากกำแพงในช่วงแรกเป็นเพียงรั้วลวดหนามเตี้ย ๆ และบางส่วนก็กระโดดออกมาทางหน้าต่างของตึกที่อยู่ติดกับกำแพง แต่ไม่นานนักกำแพงก็เปลี่ยนเป็นคอนกรีตที่แน่นหนา ส่วนหน้าต่างตึกต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับกำแพงก็ถูกก่ออิฐปิดตาย

 
โคลอสเซียม 


โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมเริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน  และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส  ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปีค.ศ.80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ   527  เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ  50,000 คน  มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี  เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬาและมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก   ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน


 
หอเอนเมืองปิซ่า
 
 

 
ตั้งอยู่ที่เมืองปิซ่าในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo)   หอระฆังของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก  เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร)น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณมี บันได 293ขั้น เอียง3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก3.9 เมตร เริ่มสร้างเมื่อวันที่    9    สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้า ประมาณ 175   ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไป   ได้ถึงชั้น 3  เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็น  พื้นดินที่นิ่ม    ทำให้ยุบตัวต่อมาในปี ค.ศ.1272    โดย    Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับ ไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้     ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิด สงคราม    ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ    7   ชั้น ในปี ค.ศ.1319     แต่หอระฆัง ถูกสร้างเสร็จในปี   ค.ศ.1372  โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี  หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรง ยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา   กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้ถ่วงในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซ่าโดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมาเพื่อพิสูจน์ว่าลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกันซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้





วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เทพเจ้ากรีก

เทพเจ้า ซุส หรือ ซีอุส


















เทพเจ้าซุส เป็นเทพบิดรของเทพทั้งหลาย   มีที่อยู่บนสวรรค์ซึ่งอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส
มีสายฟ้าเป็นอาวุธ
สัญลักษณ์ประจำพระองค์คือสายฟ้า โคเพศผู้ นกอินทรี และต้นโอ๊ก พระองค์เป็นพระโอรสองค์สุดท้องของไททันโครนัส (Cronus) และไททันรีอา (Rhea) ในหลายๆ ตำนานกล่าวว่าพระองค์ได้สมรสกับเทพีเฮร่า (Hera) เทพซุสมักมีชื่อเสียงในพฤติกรรมนอกลู่นอกทางเรื่องชู้สาวของพระองค์ ซึ่งยังรวมไปถึงความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มนามกานีเมดี้ (Ganymede) พฤติกรรมของพระองค์ทำให้เกิดผู้สืบเชื้อสายอยู่หลายองค์และหลายคนด้วยกัน อาทิเช่น เทพีอาธีน่า (Athena) เทพอพอลโล (Apollo) และเทพีอาร์ทีมิส (Artemis) เทพเฮอร์มีส (Hermes) เป็นต้น
เทพซูสมีพี่น้องซึ่งเป็นเทพปกครองโลกร่วมกัน 5 องค์ ได้แก่
1.เทพเฮดีส

2.เทพโพไซดอน จ้าวแห่งท้องทะเล ปกครองน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนและน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ มีเทพีแอมฟิไทร์หรือ อัมฟิตรีติ เป็นมเหสี
3.เทพีเซเรส เทพีแห่งพันธุ์พืช ธัญญาหารและการเพาะปลูก มีธิดากับเทพซุสหนึ่งองค์คือ เทพีเพอร์ซิโฟเน
4.เทพีเฮรา หรือ จูโน เทพีแห่งการสมรส เป็นมเหสีของเทพซุส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหึงหวง
  จ้าวแห่งยมโลก เป็นผู้ปกครองพิภพบาดาลและโลกคนตาย มีเทพีเพอร์ซิโฟเนธิดาเทพีเซเรสเป็นมเหสี
เฮรา -  ราชินีแห่งสวรรค์
















เฮร่า (Hera) ราชินีแห่งสวรรค์ เป็นทั้งน้องสาวของซูสและเป็นภรรยาด้วย เฮร่าเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิดทารก การสมรส และสตรี สัตว์ประจำพระองค์คือ นกยูง
อะธีน่า – เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด
















เทพีอะธีนา หรือ อาเธน่า (Athena)  หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด  นั้น เพราะว่า บนไหล่ของแทพีเอเธนาจะมีนกฮูกเกาะอยู่เสมอ นกฮูกเป็นสัตว์ที่มีความคล่องแคล่วแม้จะอยู่ในความมืด ความมืดนั้นเปรียบเสมือนปัญหาที่ทำให้เรามองไม่เห็น แต่นกฮูกสามารถมองเห็นในความมืดได้อย่างชัดเจน เปรียบเหมือน ความเฉลียวฉลาด ในการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ รวมถึงยังเป็นเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิดมาจากส่วนหัวของ ซุส ประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ  และเชื่อว่าพระนางเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย
อาร์เทมีส เทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์














อาร์เทมีส (Arthemis) หรือ ไดอานา (Diana)  คือ  เทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ และเป็นเทพีแห่งความรักทางใจ ตำนานการกำเนิดกล่าวว่าเป็นธิดาฝาแฝดของเทพซุสกับนางอัปสร ลีโต หรือ แลโตนา มีพี่ชายร่วมอุทรคือ เทพอะพอลโลซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์   เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮราซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย เมื่อรู้เรื่องของนางลีโตพระนางจึงสาปแช่งให้นางลีโต
 

เทพเจ้าอิยิปต์

โอซิริส (OSIRIS)
















เทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งยมโลก ฟาโรห์ที่สวรรคตจะทรงไปรวมกับโอซิริสในดินแดนหลังความตาย ในที่ฝังพระศพจะมีภาพโอซิริสเสมอ โอซิริสจะอยู่ในรูปบุรุษทรงเครื่องและมงกุฎของฟาโรห์ แต่มีผิวกายสีดำและถูกพันผ้าไว้แบบมัมมี่ โอซิริส คือศูนย์กลางความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพ เพราะตามตำนานโอซิริสถูกฆ่าโดยเซธ และถูกสับเป็นชิ้นๆ แต่ด้วยความรักของมเหสีเทวีไอซิส ผู้ตามเก็บรวบรวมพระศพมาต่อใหม่ ทำให้โอซิริสกลับฟื้นคืนมาได้อีก

ไอซีส(Isis)
















อัครเทวีที่คนอียิปต์ให้ความนับถือมากที่สุด เป็นเทวีแห่งความรัก และการอุทิศตนเพื่อสามีและบุตร และยังมีมนต์ และชื่อเสียงทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วย ไอซีสมีพระรูปเป็นหญิงงาม ทรงเครื่องอย่างมเหสีแห่งฟาโรห์

ฮอรัส (Horus)
















โอรสแห่งโอซิริส และไอซีส ทรงสภาพเป็นนกเหยี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและถูกทียบเป็นองค์ฟาโรห์เมื่อยังทรงพระชนม์ จึงจะพบรูปสลักองค์ฟาโรห์มีเทพฮอรัสรวมอยู่ด้วยเสมอ ฮอรัส คือตัวแทนแห่งความฉลาดแหลมคม และมีดวงตาที่มองทะลุได้อย่างรู้แจ้งเห็นจริง

สถานที่ท่องเที่ยวในอิยิปต์

อะบูซิมเบล Abu Simbel
















วิหารอาบูซิมเบล (Abu Simbel) สร้างโดยฟาโรห์รามเสสที่ 2 ( Ramses II ) เป็นวิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์ อยู่ใกล้เขตแดนประเทศซูดาน มีขนาดใหญ่มาก สร้างขึ้นเมื่อปี 1270 BC หรือประมาณ 3260 ปีมาแล้ว โดยสกัดเจาะภูเขาทั้งลูก ด้านหน้าหันไปทางตะวันออก ประกอบด้วย 2 วิหารด้วยกันคือวิหารใหญ่และวิหารเล็ก วิหารใหญ่สร้างขึ้นสำหรับพระองค์เอง มีรูปหินแกะสลักของฟาโรห์ Ramses II นั่งบนบัลลังก์ 4 องค์ เรียงกันข้างละ 2 องค์ หันหน้าไปทางแม่น้ำ เพื่อแสดงถึงพลังและอำนาจของฟาโรห์ที่คอยดูแลปกป้องเหล่าเรือใบที่แล่นในแม่น้ำไนล์ ตรงกลางเจาะเป็นประตูทางเข้า ที่เท้าแกะสลักเป็นรูปพระมารดา พระราชินีและโอรสธิดาอีก 8 องค์ และสร้างรูปพระองค์สูงถึง 20 เมตร สร้างไว้ขู่พวก Nubia (พวกอาฟริกันผิวดำ) ซึ่งเป็นเมืองขึ้นมิให้กระด้างกระเดื่อง ส่วนวิหารเล็กสร้างอุทิศเพื่อมเหสีเนเฟอร์ทารี เพื่อทำการบวงสรวงเทพีฮาธอร์ อันเป็นเทพีแห่งดนตรีและความรักเปรียบเสมือนความรักระหว่างทั้ง 2 พระองค์

พีระมิดกิซ่าและสฟิงซ์
Ahramat Al-Jizah and Abu el-Hol (Pyramids at Giza and the Sphinx)















มหาพีระมิดกีซ่า (Giza Plateau) : 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
พีระมิดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์ในสมัยนั้นเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะทรงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้า พวกเขาได้ฝังทรัพย์สินและสิ่งของส่วนพระองค์ไปพร้อมกัน สิ่งที่นักโบราณคดีค้นพบเป็นจำนวนมากในห้องเก็บสมบัติของปิรามิดได้แก่เพชรพลอย อาหาร เครื่องเรือน เครื่องดนตรี และอุปกรล่าสัตว์ พีระมิดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้แก่ พีระมิดเห่งเมืองกีซ่า (เมืองกีเซห์) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คีออปส์(CHEOPS) หรือ คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเอง ถือเป็นพีระมิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กลางทะเลทราย
พีระมิดแห่งกีซ่าประกอบด้วย
1.พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิด
 2.พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าพีระมิดคาเฟรคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่า
3.พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู และพีระมิดคาเฟรแต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen's Pyramids)